โรงเรียนบ้านดู่ (สหราษฎร์พัฒนาคาร) เดิมชื่อว่า โรงเรียนประชาบาลตำบลบ้านดู่ (บ้านดู่-ดรุณานุกูล) ตั้งอยู่ หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ทำการเปิดโรงเรียนครั้งแรก เมื่อปี ร.ศ.128 (พ.ศ.2452) โดยพระครูเมธัง กรญาณ ณ ที่ศาลาวัดบ้านดู่ และมีพระภิกษุสามเณร เป็นครูสอนนานถึง 28 ปี ในปี พ.ศ.2480 ทางพระภิกษุสามเณรและชาวบ้านเห็นว่า บริเวณวัดคับแคบจำนวนเด็กเพิ่มขึ้น จึงได้ทำการย้ายมาตั้งอยู่ในที่ปัจจุบัน ซึ่งมีเนื้อที่กว้างขวางถึง 50 ไร่ และบางส่วนเป็นป่าช้า สำหรับราษฎรในหมู่ 2, 3, 4, 8, 9 ได้ย้ายป่าช้าไปตั้งที่อื่น ราษฎรได้พร้อมใจกันสร้างอาคารเรียนถาวรแบบพิเศษขนาด 3 ห้องเรียนขึ้นหนึ่งหลัง โดยทางราชการได้แต่งตั้งนายอำนาจ ตามรภาพ เป็นครูใหญ่คนแรก มีนักเรียนจำนวน 132 คน มีครู 3 คน และดำรงอยู่ด้วยเงินงบประมาณของทางราชการกระทรวงธรรมการ ในปี พ.ศ.2493 ราษฎรได้ร่วมใจกันสร้างอาคารเรียน แบบ ป1ก. ขนาด 4 ห้องเรียนขึ้นหนึ่งหลังและได้ตั้งชื่อใหม่ว่า โรงเรียนบ้านดู่ (บ้านดู่ดรุณานุกูล) ในปี พ.ศ.2502 ทางราชการได้จัดตั้งโรงเรียนมัธยมศึกษา (สามัญ) ขึ้นในบริเวณเดียวกัน และได้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า โรงเรียนบ้านดู่ (สหราษฎร์พัฒนาคาร) ในปี พ.ศ.2504 ทางโรงเรียนบ้านดู่ ได้รวมโรงเรียนทั้งสองเป็นโรงเดียว โดยคำสั่งของ ทางราชการ และยังคงใช้ชื่อเดิมว่า โรงเรียนบ้านดู่ (สหราษฎร์พัฒนาคาร) จนกระทั่งปัจจุบัน ในปีการศึกษา 2506 ทางราชการได้ขยายการศึกษาภาคบังคับขึ้นทำให้โรงเรียนต้องเปิดสอนชั้นประถมศึกษา 5 - 7 ซึ่งเรียกว่า ประถมศึกษาตอนปลาย ในปี พ.ศ.2510 ทางโรงเรียนได้รับงบประมาณจากทางราชการเพื่อสร้างอาคารเรียนถาวรแบบป1ก. ตึกขนาด 10 ห้องเรียนมี 3 มุข งบประมาณในการก่อสร้าง จากทางรัฐบาลเป็นเงิน 105,000 บาท ราษฎรสมทบ 265,000 บาท ใช้ชื่อว่า “อาคารวิทยาคาร” ในปีนี้ ได้รับเงินงบประมาณ ในการก่อสร้าง โรงฝึกงานแบบ 313 A อีกหนึ่งหลัง ราคาก่อสร้าง 60,000 บาท ในปี พ.ศ.2513 ได้งบประมาณจากทางราชการก่อสร้างอาคารแบบ 017 อีก 1 หลัง จำนวน 160,000 บาท ราษฎรสมทบอีก 40,000 บาท และให้ชื่อว่า “อาคารผดุงศิษย์” และได้สร้างรั้วถาวรในด้านหน้า โดยใช้ เสาคอนกรีต พร้อมคานคอดินใช้ไม้เนื้อแข็งทำซี่และคร่าวรั้วยาว 170 เมตร ได้ งบพิเศษ10,000บาท ราษฎรสมทบ 10,000 บาท ทำการก่อสร้างป้ายชื่อโรงเรียน ปี พ.ศ.2514 ได้รับงบประมาณจากสภาตำบลบ้านดู่ สร้างอาคารแบบ ป 1 ก. ขนาด 5 ห้องเรียน มุงด้วยสังกะสี งบประมาณ 14,845 บาท โดยทำการตั้งโครงหลังคาและมุงด้วยสังกะสี ให้ชื่ออาคารนี้ว่า “อาคารประชานุเคราะห์” ได้ทำศาลาไทยประยุกต์ อีก 1 หลัง ราษฎรช่วยแรงงาน และสิ้นค่าวัสดุทั้งสิ้นเป็นเงิน 20,000 บาท ในปี พ.ศ.2515 ได้ทำการก่อสร้างศาลาไทยขึ้น 1 หลัง ในที่เดิมที่พายุพัด โดยใช้เสาคอนกรีตเสริมเหล็ก สิ้นค่าก่อสร้าง 30,000 บาท ใช้เงินที่ได้รับบริจาคจากการจัดงานวันศึกษาประชาบาล 1 ตุลาคม 2515 จำนวน 10,100 บาท ราษฎรสมทบอีก 19,900 บาท นอกจากนี้ยังทำศาลาไทยขนาด 3 X 4 เมตร อีกจำนวน 2 หลัง คือประตูด้านทิศเหนือและทิศใต้ สิ้นค่าก่อสร้าง 3,000 บาท โดยคณะครูบริจาค ในปี พ.ศ.2516ได้รับงบประมาณจากทางราชการจำนวน 40,000 บาท และราษฎร ทั้ง 8 หมู่บ้าน สมทบอีก 12,000 บาท ทำการก่อสร้างต่อเติมอาคาร 017 ชั้นล่างเป็นตึก รวมค่าก่อสร้างอาคาร ทั้งสิ้น 262,000 บาท ในปี พ.ศ.2517ได้ทำการก่อสร้างเพิ่มเติมอาคารประชานุเคราะห์ที่ยังไม่แล้วเสร็จ โดยปรับระดับสูงขึ้น 30 ซ.ม. เทคอนกรีตทำฝา ประตู หน้าต่าง สิ้นเงิน 15,000 บาท ได้รับงบประมาณจาก ทางราชการ สร้างบ้านพักครูขนาด 2 ห้องนอน จำนวน 1 หลัง ในจำนวนเงิน 25,000 บาท ได้พัฒนาพื้นที่ว่างเปล่า ของโรงเรียนทางด้านหลัง ร่วมกับราษฎรทั้ง 8 หมู่บ้านจนสำเร็จ ได้เนื้อที่ 25 ไร่ เพื่อใช้เป็นพื้นที่เกษตรของโรงเรียนดีเด่น ของมูลนิธิช่วยการศึกษา ในปี พ.ศ.2518 ได้ทำการต่อเติมอาคารเรียนวิทยาคาร โดยตีฝ้าเพดาน ระเบียงตัวอาคารด้านใต้ และด้านหลัง จนเสร็จเรียบร้อย สิ้นเงิน 30,000 บาท ในปี พ.ศ.2519 ได้สร้างรั้วโรงเรียนด้านทิศใต้ โดยใช้เสาคอนกรีตเสริมเหล็ก คานคอดิน ค.ส.ล. ช่องว่างระหว่างเสาก่ออิฐ 40 ซ.ม ขึงด้วยลวดหนาม 6 เส้น ยาวตลอด 175 เมตร สิ้นค่าก่อสร้าง 27,000 บาท โดยราษฎรให้ความร่วมมือทั้งด้านกำลังทรัพย์และแรงงาน ในปีเดียวกันโรงเรียนได้รับอนุมัติ พ.ป.ช.(เงินผัน) จำนวน 150,000 บาท สร้างหอประชุมขนาด 13
ประวัติโรงเรียน